**ขออนุโมทนาแก่ผู้บริจาคสมทบทุนสร้างพุทธอุทยานหนองหารหลวงและมหาเจดีย์บรรจุพระเกศาสมเด็จย่า ดังมีรายนามต่อไปนี้ >>>ดร.มาลินี จรูญธรรม ๓๐๐,ครอบครัวคุณยายอรุณี โฮมไชยา ๕๐๐, นางสาวจำรอง แสงพรหมศรี ๕๐๐, นางพัลลภา กิ่่งแก้ว พร้อมบุตรธิดา ๕๐๐,คุณตาทศพล กุศลเฉลิมวิทย์ ๑๐,๐๐๐<<<
หน้าแรกข่าวประชาสัมพันธ์บทความรายนามผู้ร่วมสร้างพุทธอุทยานฯรูปภาพห้องสนทนาติดต่อเรา

ขอเชิญรับฟังรายการ "คนดีศรีสังคม" ทุกวันศุกร์-เสาร์ เวลา 19.30-20.00 น. และรายการ "สืบสานวัฒนธรรมไทย" วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 16.00-17.00 น. ออกอากาศพร้อมกันทั้งระบบ เอเอ็ม เอฟเอ็ม และออนไลน์ทั่วโลก ทางสถานีวิทยุ 909 สกลนคร www.rbs909.com

ประเพณีการผูกเสี่ยวชาวอีสาน


    ประเพณีการผูกเสี่ยวชาวอีสาน
          
การผูกเสี่ยวจัดเป็นประเพณีอันดีงามของไทยที่มีมานานับศตวรรษ
         
        เสี่ยว   หมายถึง  การเป็นมิตรแท้  เพื่อนเเท้   เพื่อนตาย  มีความซื่อสัตย์สุจริตและจริงใจต่อกัน          เสี่ยว   สามารถตายเเทนกันได้   เพื่อนที่มีคุณลักษณะเช่นนี้เรียกว่า "เสี่ยว"          
        เกณฑ์การผูกเสี่ยว  ปกติเสี่ยวต้องเป็นเพศเดียวกันชายมีเสี่ยวชาย  หญิงมีเสี่ยวเป็นหญิง และต้องมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน
        ประเภทของการผูกเสี่ยว   แต่ก่อนมีเสี่ยวประเภทเดียว   คือเสี่ยวฮักเสี่ยวแพง  ต่อมาทางการได้จัดให้มีการผูกเสี่ยวขึ้น   จึงเรียกเสี่ยวประเภทนี้ว่าเสี่ยวทางการ  ดังนั้นการผูกเสี่ยวจึงมี  2  ประเภท   คือ
        1. การผูกเสี่ยวแบบดั้งเดิม        2. การผูกเสี่ยวแบบทางการ
        
การผูกเสี่ยวเเบบดั้งเดิม   เรียกว่า  "เสี่ยวฮักเสี่ยวแพง"
แบบพิธีการการผูกเสี่ยวแบบดั้งเดิม   มีหลายรูปแบบด้วยกันขอยกตัวอย่างเพียงย่อๆ
            
           แบบที่ 1    ในวันที่ทำพิธีการผูกเสี่ยวนั้น   จะเริ่มด้วยการนำเซี่ยนหมากมาวางไว้ต่อหน้าสักขีพยานแล้วผู้ทำพิธีปกติมักจะเป็นพ่อแม่คนใดคนหนึ่งของคู่เสี่ยว  หรืออาจเป็นพราหมณ์   ผู้อาวุโสในหมู่บ้านที่เคยทำพิธีผูกเสี่ยวตรงไหนก็ได้  โดยจะนำเอามีดสะนาก  ( มีดชนิดหนึ่งที่มีขาสองขา  คล้ายกรรไกร  แต่ปลายมีดเชื่อมติดกัน  ปกติใช้สำหรับหนีบ  หรือผ่าผลหมาก จึงใช้ประจำเซี่ยนหมาก)  มาตั้งไว้กลางเซี่ยนหมาก   แล้วหงายมีดทั้งสองด้านขึ้น  ซึ่งมีความหมายว่า  มีดจะใช้ประโยชน์ได้ก็เพราะมีขาอยู่ติดกันตลอดไป  หากขามีดสะนากสองข้างแยกออกจากกันหรือหลุดจากกันเมื่อใด  เมื่อนั้นมีดสะนากก็จะใช้ประโยชน์ต่ออีกไปไม่ได้           ดังนั้น  ในวันทำพิธีผูกเสี่ยวนี้  ผู้ทำพิธีจะให้ โอวาทแก่เสี่ยว  ซึ่งนั่งกันอยู่ต่อหน้าผู้ทำพิธี  และพยานทั้งหลายว่า  ขอให้คู่เสี่ยวมีความรักใคร่  สามัคคีปองดองกัน  ประดุจมีดสะนากที่เป็นคู่ติดกัน  เมื่อมีปัญหามีเรื่องทุกข์ร้อนก็ช่วยกันคิด  ช่วยกันแก้  และให้เป็นเพื่อร่วมตายกันตลอดไป
         แบบที่  2   ใช้ถ้วยน้ำพริกกับเกลือมาวางไว้ต่อหน้าคู่เสี่ยว     เกลือมีความเค็มฉันใด  ขอให้คู่เสี่ยวมีความรัก  ความจริงใจเหมือนเกลือที่รักษาความเค็ม  สำหรับพริกนั้นเพื่อแสดงถึงน้ำใจที่เเน่วแน่  มีความรัก   ความสามัคคีอย่างแน่นแฟ้นไม่มีวันเสื่อมคลายเหมือนพริกที่มีความเผ็ดร้อนฉันใด  เสี่ยวฮักเสี่ยวแพงต้องมีความจริงใจต่อกันถ้าเสี่ยวคนใดคนหนึ่งคิดทรยศต่อกัน  ก็ให้มีอันเป็นไป  ถ้าทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม  ก็ให้ได้รับสิ่งไม่ดีไม่งามสนองตอบ              

ตัวอย่าง  ผญาคำคมที่ใช้สั่งสอนเสี่ยว
            
            " มุดน้ำอย่าให้แขนฟู  จกฮูอย่าให้แขนสั้น "  แปลว่าเวลาดำน้ำอย่าให้ก้นลอยขึ้นมา  และเวลาล้วงมือเข้าไปในรูเพื่อหาหอยหาปู  ก็ให้ได้หอยได้ปูในรูนั้นตามประสงค์
            " ให้นับถือลือหากันเด้อลูกเด้อ  ไปพุ้นกินปลา  มาพี้กินข้าว " หมายความว่าให้เสี่ยวรักใคร่นับถือกันเเละเอื้อเฟื้อจุนเจือกัน
            "  สู   สู   มื้อนี้เป็นมื้อสันต์วันดี  อมตโชค  ปัดโชคฮ้ายอย่าพาล  มารฮ้ายอย่ากรายมีสหายมาแวะโอม    สหายเพิก  "  หมายความว่า  วันนี้เป็นวันดี  ขอให้มีโชคดีอย่าได้มีเคราะห์มีภัย  ถ้ามีเพื่อนมาเยี่ยมก็ให้ต้อนรับดี ๆ
            การผูกเสี่ยวอย่างเป็นทางการ   เสี่ยวทางการคือการผูกเสี่ยวที่ทางราชการ  กิ่งอำเภอเปือยน้อย  ( ๒๕๒๓ )  จังหวัดขอนแก่น   จัดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรกของจังหวัดขอนแก่น  หรือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย  ตรงกับวันวิสาขบูชา  จัดบริเวณวัดพระธาตุกู่ทอง กิ่งอำเภอเปือยน้อย  นายเลื่อน  รัตนมงคล  ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอเปือยน้อยสมัยนั้น  เป็นผู้ริเริ่มโครงการให้มีขึ้น  และได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าโครงการ  "วันผูกเสี่ยว"